การชดเชยแสง

จริงๆแล้วอยากจะไป reply ที่กระทู้ "ค่าสีขาวและสีดำ .... และการถ่ายภาพวัตถุสีขาวให้ขาวจริงและการถ่ายวัตถุสีดำให้ดำจริง ของ Nine_Ob"

แต่เห็นว่าเป็นเรื่องยาวพอสมควร กลัวขี้เกียจอ่านกัน เลยมาตั้งเป็นกระทู้ใหม่ดีกว่า



การวัดแสงควรใช้โหมดวัดแสงแบบเฉพาะจุดเป็นหลักครับ เพราะจะได้ค่าที่แม่นยำกว่า

แต่บางกรณีก็ต้องจำใจวัดแสงแบบเฉลี่ยหนักกลางเพื่อความเร็วในการถ่ายภาพ เช่นถ่ายพวกงานพิธีต่างๆ ครับ

ส่วนโหมดเฉลี่ยทั้งภาพนี้ผมไม่แนะนำเลย เพราะจะได้ภาพที่ออกมาไม่มีจุดไหนเด่นเลย จะเหมือนภาพที่ถ่ายจากกล้องคอมแพ็คที่เซ็ตทุกอย่างมาให้เสร็จ



การวัดแสงเฉพาะจุด วัดโดยเน้นวัตถุที่เราต้องการให้เป็นจุดเด่นของภาพให้ได้แสงพอดี

ส่วนอื่นของภาพจะโอเวอร์หรืออันเดอร์ปล่อยมันครับ



วิธีการดังนี้ครับ

- ซูมเข้าไปที่วัตถุที่เราต้องการให้เป็นจุดเด่นของภาพ ระวังให้กรอบสี่เหลี่ยมที่เราใช้วัดแสง(กรอบเดียวกับที่โฟกัส)ไม่เกินออกไปจากขอบของวัตถุที่เราวัดแสง

- วัดแสงได้ค่าเท่าไรใช้ค่านั้นเป็นค่าแสงที่เราจะกดถ่ายภาพ

- ซูมออกเพื่อจัดคอมโปภาพใหม่

- โฟกัสภาพแล้ว กดชัตเตอร์ได้เลยครับ

ระวัง! การซูมเข้าออกอาจทำให้ค่ารูรับแสงเปลี่ยนแปลงไป เพราะเลนส์หลายๆตัวค่ารูรับแสงไม่คงที่ รวมถึงเลนส์คิทของเราด้วย

แต่ถ้าเราใช้ค่ารูรับแสงที่ F5.6 หรือที่ค่าสูงกว่านั้นก็ไม่ต้องไปชดเชยความเร็วชัดเตอร์อีกเพราะถ้าตั้งค่า F ไว้ที่ 5.6 หรือสูงกว่า ไม่ว่าซูมช่วงไหนค่า F ก็ไม่เปลี่ยน

กรณีใช้เลนส์ค่ารูรับแสงไม่คงที่ เช่นเลนส์คิท D60 ถ้าเราตั้งค่ารูรับแสงไว้กว้างสุด (F3.5) ในช่วงไวด์สุด (ไวด์สุดของเลนส์คิทเราเท่ากับ 18 มม.)

พอเราซูมเข้าไปที่ช่วงแคบสุดของเลนส์(55 มม.) ค่ารูรับแสงจะกว้างสุดได้เพียง F5.6

ทำให้ความเร็วชัดเตอร์ที่วัดได้จะช้ากว่าที่รูรับแสง F3.5 อยู่ 1.3 สต๊อป

ซึ่งถ้าเราซูมออกเป็นไวด์สุดเพื่อจัดคอมโปใหม่ ค่ารูรับแสงจะกลับไปเป็น F 3.5 เราต้องชดเชยความเร็วชัดเตอร์ให้เร็วขึ้นอีก 1.3 สต๊อป

(ตรงส่วนนี้ขอให้ไปหาความรู้เรื่องการวัดแสง เรื่องการนับสต๊อปครับ ถ้ากระทู้นี้มีคนอ่านเยอะผมจะเขียนเรื่อง “การวัดแสง” ต่อ จะมีเรื่องการนับสต๊อปอยู่ จะได้เข้าใจครอบคลุม)

ยกตัวอย่างกรณีถ่ายในงานแต่งงาน บ่าวสาวสวมชุดทั้งขาวดำ(เอาตัวอย่างมาจากกระทู้เดิม) ผมจะมองก่อนว่าจะให้จุดไหนเป็นจุดเด่นของภาพ อาจเป็นที่ใบหน้าของเจ้าสาว

ซึ่งในงานแต่ง วัตถุที่อยู่ในแต่ละส่วนของภาพจะถูกแสงตกกระทบต่างกันมาก บางส่วนอาจอยู่ในเงามืด บางส่วนอาจโดนแสงแรงกว่าใบหน้าเจ้าสาว

ผมจะวัดแสงให้พอดีที่ใบหน้าเจ้าสาว ส่วนอื่นไม่ต้องสนใจปล่อยให้โอเวอร์ อันเดอร์ไปครับ



ทีนี้เรื่องชดเชยแสงต้องดูว่าหน้าของเจ้าสาวมีโทนสีอย่างไรด้วยถ้าใกล้เคียงเทากลาง (การสะท้อนแสงใกล้เคียง 18% ซึ่งผิวคนส่วนใหญ่เท่ากับ 18%

ขอย้ำว่าส่วนใหญ่ไม่ใช้ทั้งหมด)ก็ไม่ต้องชดเชยแสง ถ้าเจ้าสาวหน้าขาวก็ชดเชยบวก หน้าดำก็ชดเชยลบ แล้วแต่ว่าโทนสีขาวหรือดำแค่ไหนอีก

ส่วนการชดเชยแสงวัตถุที่เป็นสีขาวหรือดำ หากต้องการถ่ายออกมาแล้วรายละเอียดไม่หาย ตามทฤษฎีต้องชดเชยแสงไม่เกิน +2,-2

แต่บางครั้งผมจะชดเชยแค่ +-1 ถึง +-1.7 สต๊อป เพราะดูจะเหมาะกว่าในบางภาพ แล้วแต่ความพอใจแค่ไหนด้วยครับ



การชดเชยแสงกรณีวัตถุนั้นไม่ใช้สีขาวหรือดำตามข้างบน ควรชดเชยเท่าไรขึ้นอยู่ว่าวัตถุนั้นเป็นสีอะไรด้วย และสีนั้นมีโทนเข้มหรืออ่อนแค่ไหนด้วยครับ

เช่น สีเขียวใบไม้ สีน้ำตาลเปลือกไม้ พวกนี้ใกล้เคียงเทากลาง ก็ไม่ต้องชดเชย , สีเขียวสะท้อนแสง สีเหลือง สีครีมชดเชยบวกประมาณ 1 - 1.3 สต๊อป

แต่ต้องดูเอาเองด้วยว่าสีนั้นสว่างแค่ไหน อาจต้องชดเชยมากน้อยกว่านี้ , สีน้ำเงิน น้ำตาลเข้มชดเชยลบ ประมาณ 1 สต๊อป แต่แต่ละสีจะบอกว่าชดเชยเท่าไรตายตัวไม่ได้นัก

ที่เห็นตามตำราเขาบอกว่าสีอะไรชดเชยเท่าไร ผมว่าไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่ เพราะในแต่ละสีก็มีอีกหลายเฉด อยู่ที่การกะประมาณของเราด้วย

พยายามมองสีต่างๆ แล้วจินตนาการให้เป็นสีเทาหมือนที่กล้องมองครับ



ลืมบอกไปครับ กล้องมองเห็นสีทุกสีเป็นสีเทาครับ เราต้องใช้จินตนาการเปลี่ยนสีต่างๆให้เป็นสีเทาๆ แล้วกะดูว่าสีนั้นสะท้อนแสงเท่าไหร่ถึงจะเป็นการมองอย่างเดียวกับที่กล้องเห็นครับ



ลองดูภาพนี้ครับ(ขออนุญาตยืมภาพของ dog is fish มาใช้ครับ)วัดแสงที่ปีกผีเสื้อครับ ปีกผีเสื้อแสงพอดี แต่ส่วนอื่นปล่อยให้มันโอเวอร์อันเดอร์ไปครับ

เรื่องไวท์บาลานซ์เป็นการชดเชยสี เป็นคนละเรื่องกับการชดเชยแสงครับ เราจะเปลี่ยนไวท์บาลานซ์ให้ตรงกับแสงที่เปลี่ยนไปเท่านั้นครับ

ถึงแม้วัตถุที่เราถ่ายจะถูกส่องโดยแสงที่เป็นสีอะไร แล้วทำให้ตาเรามองเห็นสีของวัตถุนั้นเปลี่ยนไปก็ตาม

เราเพียงปรับไวท์บาลานซ์ให้ตรงกับแสงนั้น วัตถุที่เราถ่ายก็จะได้เป็นสีที่ถูกต้องของมัน แสงในเวลานั้นเป็นแบบไหนก็ตั้งให้ตรงครับ



แต่บางครั้งอาจต้องการผลลัพธ์ที่ต่างไป เช่น เวลาถ่ายภาพที่มีแสงอาทิตย์ตอนเย็น ๆ อาจตั้งที่ shade ให้สีออกเหลือง ๆ ส้ม ๆ

ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการทำให้สีเพื้ยน แต่มันได้อารมณ์ภาพครับ เป็นการเพี้ยนแบบตั้งใจ

ถ้าป้า ๆ น้า ๆ มีความรู้อะไรแนะนำเพิ่มเติมจะช่วยกันให้ความรู้ด้วยก็ได้นะครับ

หรือถ้าเห็นว่าข้อมูลของผมส่วนไหนผิดไปก็ช่วยแก้ด้วยครับ





เห็นเว็บอื่นเค้ามีกระทู้ให้ความรู้กันเยอะ (ของเราไม่ค่อยมีแบบเป็นจริงเป็นจัง)

เลยลองเขียนกระทู้นี้ดูครับ อยากให้มีกระทู้สอนการถ่ายภาพแบบจริง ๆ จัง ๆ ในเว็บเราบ้าง

ทั้งแบบที่สอนเบื้องต้นมาก ๆ ให้มีพื้นฐานกันก่อน ไปจนถึงสอนเทคนิคที่สูงขึ้นไปครับ

เพราะเห็นหลายคนตั้งกระทู้ถามแบบไม่มีพื้นฐานการถ่ายรูปเลย



ผมไม่ได้เก่งนะครับ เห็นรูปของสมาชิกหลายๆ คน ก็รู้ว่าน้าๆ ป้าๆ ฝีมือไม่เบากันเลยทีเดียว ที่ผมมาเขียนกระทู้นี้เพราะอยากแนะนำให้กับสมาชิกที่เริ่มใช้กล้อง DSLR ครับให้มีความรู้พื้นฐานกันหน่อย

บทความดีมีคุณภาพอีกแล้วครับท่าน

ขอบคุณค้าบบ

เข้ามาเก็บความรู้ดีดีครับ ขอบคุณมากเลยครับจะนำไปใช้เลยนะครับ

eyedropper พิมพ์ว่า:
การวัดแสงควรใช้โหมดวัดแสงแบบเฉพาะจุดเป็นหลักครับ เพราะจะได้ค่าที่แม่นยำกว่า

แต่บางกรณีก็ต้องจำใจวัดแสงแบบเฉลี่ยหนักกลางเพื่อความเร็วในการถ่ายภาพ เช่นถ่ายพวกงานพิธีต่างๆ ครับ

ส่วนโหมดเฉลี่ยทั้งภาพนี้ผมไม่แนะนำเลย เพราะจะได้ภาพที่ออกมาไม่มีจุดไหนเด่นเลย จะเหมือนภาพที่ถ่ายจากกล้องคอมแพ็คที่เซ็ตทุกอย่างมาให้เสร็จ

สำหรับผมไม่เห็นด้วยตรงส่วนนี้ครับ ^^

จุดเด่นของภาพ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโหมดของการวัดแสงเพียงอย่างเดียว .. ผมว่า องค์ประกอบภาพน่าจะสำคัญกว่าการเลือกโหมดวัดแสงนะ (ในการที่จะทำให้ภาพนั้นน่าสนใจ)

จริงอยู่ที่โหมดวัดแสงเฉพาะจุดนั้นมีความแม่นยำ แต่ก็ใช้งานยากกว่าแบบอื่น เพราะพื้นที่ในการวัดแสงน้อยมาก

แล้วคำถามที่ตามมาสำหรับมือใหม่ .. วัดเฉพาะจุด? จุดไหนล่ะ? ใกล้เคียงเทากลาง? .. แล้วอะไรใกล้เคียงเทากลาง? เทากลางคืออะไร? ..

เหล่านี้ล้วนแต่ยากต่อการเข้าใจครับ (ในกรณีมือใหม่จริงๆ)


.. สำหรับผม ผมจะเลือกใช้โหมดวัดแสงตามสภาพแสงเป็นหลักครับ (อันนี้ส่วนตัวนะ ผิดถูกยังไงไม่รู้ล่ะครับ)

ผมเองวัดแสงไม่เก่ง จึงเลือกที่จะใช้โหมดวัดเฉลี่ยทั้งภาพเป็นหลัก .. และผมก็แนะนำทุกคนที่ถามผม ถ้ายังไม่รู้เรื่องการวัดแสง/ชดเชยแสง หรือไม่แม่น ก็ใช้วัดเฉลี่ยไปก่อน

ถ้าสภาพแสงในเฟรมภาพไม่ต่างกันมาก หรือดูแล้วส่วนสว่างกับส่วนมืด มีสัดส่วนพอๆกันในเฟรม .. ผมเลือกใช้โหมดวัดแสงเฉลี่ยครับ

ถ้าส่วนมืดมากกว่า(นิดหน่อย) ก็ชดเชยไปทางลบ(นิดหน่อย) .. บวกก็เช่นกันครับ .. แต่ถ้าสัดส่วนแสงต่างกันมากๆ ก็จะเลือกใช้โหมดอื่นแทน

โหมดวัดแสงเฉลี่ย เป็นโหมดที่ผมใช้บ่อยที่สุด .. เกินครึ่งของภาพที่ผมถ่ายมา วัดเฉลี่ยทั้งภาพครับ (แต่ผมถ่าย landscape เป็นหลักนะ) ..

และไม่เคยคิดเลยว่าวัดแสงเฉลี่ยจะทำให้ภาพไม่มีจุดเด่น

การเลือกโหมดวัดแสงควรเลือกตามลักษณะการใช้งานของเราเป็นหลักครับ ..

อย่างเช่น ผมถ่าย landscape ใช้วัดเฉลี่ยทั้งภาพซะส่วนมาก .. แต่ใครชอบถ่าย Portrait วัดเฉลี่ยทั้งภาพก็อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ .. แบบนี้เป็นต้นครับผม

ใครถนัดเฉพาะจุด วัดแสงแม่นๆ ก็อาจจะทำให้ประหยัดเวลามากขึ้น

แต่ในทางกลับกัน ไม่แม่นพอ จากที่จะทำให้ประหยัดเวลา .. อาจจะทำให้เสียเวลามากกว่าเดิมก็ได้ครับ



เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วย ก็ทักท้วงกันได้ครับ ชอบๆแบบนี้แหละ ^^

อิอิ งง อยู่เหมือนกานครับ แต่ออกงานถ่ายรูปพิธี บ่อยมาก แสง สี และสถานการณ์ มันแตกต่างกัน ต้องฝึกกันไป ส่วนในเรื่องงานถ่ายรูปในงานพิธีมันยากตรงที่เราไม่มีเวลามานั่งนึกถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้เท่าไหร่นี่สิครับ เวลาและสถานการณืมันบังคับ อิอิ รัวไว้ก่อนเอามาเลือกเอามาปรับตอนหลังก็ยังไม่สายไปครับ อิอิ

ขอบคุณน้า ArmNo สำหรับความเห็นที่ดีครับ

ผมคิดว่า บริษัทกล้องทำระบบวัดแสงออกมาตั้ง 3 แบบ แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันครับ ไม่งั้นคงตัดแบบที่ไม่ดีออกไปแล้ว



การใช้โหมดวัดแสงแบบใดแล้วแต่ความถนัดของผู้ถ่ายภาพเองด้วย แต่ละคนมีวิธีไม่เหมือนกัน ขอเพียงได้ภาพออกมาใช้งานได้ก็พอ



วิธีการวัดแสงเฉพาะจุด จริง ๆ แล้วไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ ผมใช้วิธีการตามที่อธิบายไว้ทั้ง 4 ข้อ

แล้วก็ระวังเรื่องรูรับแสงที่ไม่คงที่ ก็ให้นับสต๊อปชดเชยอีกหน่อยแค่นั้นครับ วิธีนี้จะได้แสงพอดีตรงจุดที่เราต้องการ



แต่บางภาพมันจำเป็นจริง ๆ นะครับ อย่างรูปที่นำมาประกอบคำอธิบาย แสงตกกระทบที่ผีเสื้อ ส่วน BG พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีแสงตกกระทบ

ถ้าผู้ถ่ายวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ ภาพจะออกมาสว่างกว่านี้ แล้วรายละเอียดที่ปีกผีเสื้อก็จะหายไปบางส่วน

หรือยกอีกตัวอย่าง การถ่ายภาพภูเขากับท้องฟ้ามีพระอาทิตย์กำลังจะตก จะเอาท้องฟ้าสีสวย ๆ ก็ต้องวัดแสงที่ท้องฟ้าครับ

ถ้าใช้เฉลี่ยทั้งภาพก็จะทำให้รายละเอียดที่ท้องฟ้าหายไป และถึงแม้จะชดเชยแสง ก็ไม่แม่นเท่าวัดไปที่ท้องฟ้าเลยทีเดียว



แต่ภาพบางภาพไม่สวยในสายตาเราแต่อาจจะเป็นภาพที่ดีในมุมมองของช่างภาพบางคนได้ครับ แล้วแต่จินตนาการอีก



การวัดแสง เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราต้องคำนึงในการถ่ายภาพ นอกจากนั้นยังมีเรื่องช่วงโฟกัส โทนสี และอีกหลายอย่างในการควบคุมกล้อง

ซึ่งเกี่ยวกับคุณภาพของภาพ ว่าไม่มืดสว่างเกิน สีสันถูกต้อง คมชัด และยังมีเรื่องการคอมโปภาพให้ได้สมดุลย์ จุดสนใจ เส้นนำสายตา

เรื่องความดึงดูดหน้ามอง หน้าจดจำ และเรื่องการสื่อความหมาย ยังมีอีกหลายเรื่องครับเพื่อให้ได้ภาพที่ดีซักภาพ



อย่างไรก็ตาม การถ่ายภาพขึ้นอยู่กับวิธีการและจินตนาการของแต่ละคน ที่จะทำให้ได้ภาพที่ดีที่สุด ต้องดูที่ผลสุดท้ายที่ได้เป็นหลัก

มีบางคนใช้กล้องคอมแพ็ค ถ่ายออกมาดีกว่าหลาย ๆ คนที่ใช้ SLR อีกครับ

FLYMAN พิมพ์ว่า:อิอิ งง อยู่เหมือนกานครับ แต่ออกงานถ่ายรูปพิธี บ่อยมาก แสง สี และสถานการณ์ มันแตกต่างกัน ต้องฝึกกันไป ส่วนในเรื่องงานถ่ายรูปในงานพิธีมันยากตรงที่เราไม่มีเวลามานั่งนึกถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้เท่าไหร่นี่สิครับ เวลาและสถานการณืมันบังคับ อิอิ รัวไว้ก่อนเอามาเลือกเอามาปรับตอนหลังก็ยังไม่สายไปครับ อิอิ

ถ้าออกงานถ่ายรูปพิธีต่าง ๆ ผมใช้เฉลี่ยหนักกลางครับ ไม่ต้องใช้เวลามาก

เข้ามาหาความรู้ใส่หัวครับ...ขอบคุณครับ

FLYMAN พิมพ์ว่า:อิอิ งง อยู่เหมือนกานครับ แต่ออกงานถ่ายรูปพิธี บ่อยมาก แสง สี และสถานการณ์ มันแตกต่างกัน ต้องฝึกกันไป ส่วนในเรื่องงานถ่ายรูปในงานพิธีมันยากตรงที่เราไม่มีเวลามานั่งนึกถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้เท่าไหร่นี่สิครับ เวลาและสถานการณืมันบังคับ อิอิ รัวไว้ก่อนเอามาเลือกเอามาปรับตอนหลังก็ยังไม่สายไปครับ อิอิ

ถ้ารับงานพิธี งานข่าว เราปรับ auto ไปเลยครับ ใช้โมด a หรือ p ถ่ายจะดีกว่า เพราะงานพวกนี้อาศัยจังหวะและความเร็วไม่ควรที่จะใช้โหมด M เพราะไม่มีเวลามานั่งคิดครับ
แต่ถ้าถ่ายนางแบบ ถ่ายวิว ถ่ายอะไรก้ได้ที่คิดว่าไม่ต้องแย่งจังหวะกะใคร ก็ตามสดวกเลยครับ

ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกครับพี่เอ็ม หาอยู่พอดี....จิงๆนะ

กระทู้นี้ปักหมุดเลยครับ จำเป็นสำหรับมือใหม่มาก

แวะมาแปะลิ้งก์ไว้หน่อย เรื่องการเลือกใช้โหมดวัดแสงครับ

โดย RBJ

http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=1612

ArmNo พิมพ์ว่า:แวะมาแปะลิ้งก์ไว้หน่อย เรื่องการเลือกใช้โหมดวัดแสงครับ

โดย RBJ

http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=1612

ยอดเยี่ยมมากเลยครับคุณ armno บทความของพี่แอ่วที่ให้มา พี่เขาปรับโหมดวัดแสงได้ละเอียดสุด ๆ เลย

อ่านแล้วผมคงใช้โหมดเฉลี่ยทั้งภาพมากขึ้นแน่ ๆ ในบางสถานการณ์เช่นรูปที่สองของกระทู้พี่อาบิ วัดแสงยากมากมาก

ถ้าไปวัดเฉพาะจุดคงได้พลาดกันแน่ และที่ได้มาจากบทความอีกอย่าง กรณีใช้เทเลจะใช้เฉลี่ยหนักกลางเป็นส่วนใหญ่

แต่อย่างไรก็ตามวัดแสงเฉพาะจุดยังคงต้องใช้เป็นหลักอยู่ครับถ้าสถานการณ์นั้นไม่ยากมาก เพราะจะแม่นที่สุด


ว่าแต่จะเปลี่ยนโหมดวัดแสงทันไหมครับเนี่ย

ขอบคุณมากๆครับ

ขอบคุณ ครับสำหรับความรู้ ที่น้องใหม่ มือใหม่ได้รับคับ

ขอให้มีกระทู้ให้ความรู้แบบนี้อีกมากมายนะคับ มีประโยชน์ มากคับ

ขอบคุณมาก คับ พี่ๆ