11-14 มิถุนายนที่ผ่านมา ...
ได้มีโอกาสขอลาพักจากการทำวิจัยอันน่าเหนื่อยหน่ายไปชาร์จพลังทั้งตัวและหัวใจ
จุดหมายปลายทางของผมในคราวนี้คือ มหานครแห่งสายลม ........
" มหานครชิคาโก้ "
มลรัฐอิลลินอยส์ ภาคเหนือของสหรัฐอเมริกา
(seal และ flag ประจำเมืองนี้ครับ ... เอามาให้ชมเฉยๆ)
เมืองชิคาโก้นี้ได้ชื่อว่าเป็น the windy city อันเนื่องมาจากการล้อเลียนทางการเมือง และการจะบอกถึงว่าคนชิคาโก้เป็นคนพูดมากขี้โม้ (braggart) ครับ
นอกจากนั้นผลกระทบของลมต่อโครงสร้างและการจัดการทางวิศวกรรม ก็ยังเสริมให้เมืองนี้มีชื่อเล่นเช่นนี้อีกเช่นกัน
ถึงจะได้ชื่อว่านครแห่งสายลม แต่ก็ใช่จะมีลมแรงกว่าเมืองอื่นๆนะครับ ค่าเฉลี่ยของความเร็วลมตลอดปีอยู่ที่ 16.6 km/h ในขณะที่ถ้าหากเทียบกับบอสตั้นแล้ว จะมีความเร็วลมเฉลี่ยที่ 20.0 km/h ครับ
พล่ามมาเยอะ ไปดูรูปดีกว่า - -
======================
Conditions: Cloudy, Windy, Cool (15 degree Celsius), Rain
Camera: Nikon D90
Lens: AF-S VR 18-105mm, AF 28mm f/2.8D, Sigma 10-20mm f/4-5.6, Sigma 70-300mm APO DG Macro
Flash: SB-600
======================
ขณะออกเดินทางจากเปลี่ยนเครื่อง ณ สนามบินที่แอตแลนต้าครับ พาหนะที่จะนำผมไปยังชิคาโก้ เครื่องเจ็ทสองเครื่องยนต์ Embraer EMB-175
ขอกระโดดมายังชิคาโก้เลยละกัน .. ฮาา
สถานีรถไฟใต้ดินของระบบ Chicago Transit Authority ครับ สายนี้จะนำผมไปยังดาวน์ทาวชิคาโก้ (ใช้เวลาชั่วโมงนึง)
ถึงแล้ว ก็ขอไปเดินเที่ยว millennium park หน่อยละกัน เนื่องจากพี่ที่จะมารับ จะเลิกงานตอนเย็นๆ มีเวลาสองสามชั่วโมงเดินเล่นครับ
(ปล. เวลาที่ไปนั้น ทีมฮอกกี้ของชิคาโก้ (the blackhawks) เพิ่งได้ national champion มาครับ ผู้คนจะนิยมใส่เสื้อแดงลาย the hawk กันทั่วเมือง
กำลังจะข้ามถนน .... ตึง!! รถชนกันตรงหน้าซะงั้น - -" (เป็นโมเมนต์ถัดจากนี้ไปสิบวินาที)
มุมมองกลับไปยังตัวดาวน์ทาวครับ ที่เห็นอยู่ในภาพเป็นงานศิลปะสิ่งก่อสร้างพ่นน้ำประกอบไฟ LEDs ครับ
มาดูกันใกล้ๆ .... อืมม เย็นสบายทีเดียว
จากการวิเคราะห์แล้ว .... สถานที่นี้เป็นแหล่งบันเทิงใจของเด็กๆทั้งหลายเป็นอย่างมากครับ บางคนใส่ชุดว่ายน้ำมาเล่นกันเลยทีเดียว
เอาล่ะ ... หนึ่งในไฮไลท์ของ millennium park ครับ ......... the bean หรือชื่ออย่างทางการว่า the cloud gate
สิ่งก่อสร้างรูปทรงคล้ายถั่ว สร้างจากสเตนเลสสตีลล์ สามารถสะท้อนมุมดาวน์ทาวของตึกสูงได้สวยงามครับ
ดูท่าถ่ายมัน ...
มองย้อนขึ้นไปจากข้างใต้ the bean ครับ ........ อืมม ดูวุ่นวายดี .... เอาเป็นสมมุติมันสวยละกันนะ
มุมนี้ครับ ที่ว่าสามารถสะท้อนภาพเมืองชิคาโก้ได้
บรรยากาศชิลล์ๆครับ พบเห็นหนุ่มสาวจีบกันได้ทั่วไป
สมกับเป็นแหล่งนั่งเล่นยามเย็นหลังเลิกงานซะจริงๆ ^^
ส่วนที่เรียกว่า the great lawn ของ millennium park ครับ สนามหญ้าประดับศิลปกรรมโครงสร้างตาข่าย
ทางเดินยกระดับไว้ทำอะไรไม่รู้ .... วิวข้างบนมันสวยดีนะ ฮาา
มองย้อนไปทางตึกสูงใจกลางเมืองอีกทีนึง
อีกฝั่งหนึ่งก็เห็นทะเลสาปมิชิแกนอยู่ไกลๆ
แม่น้ำชิคาโก้ครับ .... มีบริการ water taxi และ cruise ล่องแม่น้ำด้วยนะ (เสียดายไม่ได้ลงไป)
เป้าหมายในวันแรกอีกเช่นกัน ..... ขึ้น Sears Tower ครับ (ชื่อใหม่ Willis Tower)
ตึกที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา และสงเป็นอันดับห้าของสิ่งก่อสร้างของโลกครับ
ความสูง 442 เมตร (108 ชั้น) ด้านบนเป็นหอคอยชมวิวรอบตึกครับ (บ้านเรา ใบหยกก็ให้อารมณ์คล้ายๆ กัน แต่ที่นี่มีไฮไลท์อย่างนึงครับ เลื่อนลงไปดูเนอะ)
นี่ครับ ไฮไลท์ของที่นี่ skydeck view .... เป็นห้องกระจกยื่นออกมาจากตัวตึก สามารถเดินเข้าไปชมได้ (ถ้าใจถึง) แล้วคุณจะยืนมองชิคาโก้จากตึกที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา
ลงไปก็ไปเที่ยวต่อเลย ฮ่าๆ .... Water Tower ครับ .... สิ่งก่อสร้างเพียงชิ้นเดียวที่สามารถรอดจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในชิคาโก้ (the great fire of chicago) ในปี ค.ศ. 1871 ครับ
แวะไปชิมไอศครีมที่ Ghiradelli ซะหน่อย ...... รสชาดสุดบรรยาย : ) กับราคา $10
บรรยากาศในร้านครับ ขายช็อกโกแล็ต (ยี่ห้อนี้เยี่ยมมากครับ) ทั้งร้านเลย
Loyola University Chicago ครับ เป็นมหาวิทยาลัยแคธอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนี้
จบวันแรกแต่เพียงเท่านี้ ........
ได้มีโอกาสขอลาพักจากการทำวิจัยอันน่าเหนื่อยหน่ายไปชาร์จพลังทั้งตัวและหัวใจ
จุดหมายปลายทางของผมในคราวนี้คือ มหานครแห่งสายลม ........
" มหานครชิคาโก้ "
มลรัฐอิลลินอยส์ ภาคเหนือของสหรัฐอเมริกา
(seal และ flag ประจำเมืองนี้ครับ ... เอามาให้ชมเฉยๆ)
เมืองชิคาโก้นี้ได้ชื่อว่าเป็น the windy city อันเนื่องมาจากการล้อเลียนทางการเมือง และการจะบอกถึงว่าคนชิคาโก้เป็นคนพูดมากขี้โม้ (braggart) ครับ
นอกจากนั้นผลกระทบของลมต่อโครงสร้างและการจัดการทางวิศวกรรม ก็ยังเสริมให้เมืองนี้มีชื่อเล่นเช่นนี้อีกเช่นกัน
ถึงจะได้ชื่อว่านครแห่งสายลม แต่ก็ใช่จะมีลมแรงกว่าเมืองอื่นๆนะครับ ค่าเฉลี่ยของความเร็วลมตลอดปีอยู่ที่ 16.6 km/h ในขณะที่ถ้าหากเทียบกับบอสตั้นแล้ว จะมีความเร็วลมเฉลี่ยที่ 20.0 km/h ครับ
พล่ามมาเยอะ ไปดูรูปดีกว่า - -
======================
Conditions: Cloudy, Windy, Cool (15 degree Celsius), Rain
Camera: Nikon D90
Lens: AF-S VR 18-105mm, AF 28mm f/2.8D, Sigma 10-20mm f/4-5.6, Sigma 70-300mm APO DG Macro
Flash: SB-600
======================
ขณะออกเดินทางจากเปลี่ยนเครื่อง ณ สนามบินที่แอตแลนต้าครับ พาหนะที่จะนำผมไปยังชิคาโก้ เครื่องเจ็ทสองเครื่องยนต์ Embraer EMB-175
ขอกระโดดมายังชิคาโก้เลยละกัน .. ฮาา
สถานีรถไฟใต้ดินของระบบ Chicago Transit Authority ครับ สายนี้จะนำผมไปยังดาวน์ทาวชิคาโก้ (ใช้เวลาชั่วโมงนึง)
ถึงแล้ว ก็ขอไปเดินเที่ยว millennium park หน่อยละกัน เนื่องจากพี่ที่จะมารับ จะเลิกงานตอนเย็นๆ มีเวลาสองสามชั่วโมงเดินเล่นครับ
(ปล. เวลาที่ไปนั้น ทีมฮอกกี้ของชิคาโก้ (the blackhawks) เพิ่งได้ national champion มาครับ ผู้คนจะนิยมใส่เสื้อแดงลาย the hawk กันทั่วเมือง
กำลังจะข้ามถนน .... ตึง!! รถชนกันตรงหน้าซะงั้น - -" (เป็นโมเมนต์ถัดจากนี้ไปสิบวินาที)
มุมมองกลับไปยังตัวดาวน์ทาวครับ ที่เห็นอยู่ในภาพเป็นงานศิลปะสิ่งก่อสร้างพ่นน้ำประกอบไฟ LEDs ครับ
มาดูกันใกล้ๆ .... อืมม เย็นสบายทีเดียว
จากการวิเคราะห์แล้ว .... สถานที่นี้เป็นแหล่งบันเทิงใจของเด็กๆทั้งหลายเป็นอย่างมากครับ บางคนใส่ชุดว่ายน้ำมาเล่นกันเลยทีเดียว
เอาล่ะ ... หนึ่งในไฮไลท์ของ millennium park ครับ ......... the bean หรือชื่ออย่างทางการว่า the cloud gate
สิ่งก่อสร้างรูปทรงคล้ายถั่ว สร้างจากสเตนเลสสตีลล์ สามารถสะท้อนมุมดาวน์ทาวของตึกสูงได้สวยงามครับ
ดูท่าถ่ายมัน ...
มองย้อนขึ้นไปจากข้างใต้ the bean ครับ ........ อืมม ดูวุ่นวายดี .... เอาเป็นสมมุติมันสวยละกันนะ
มุมนี้ครับ ที่ว่าสามารถสะท้อนภาพเมืองชิคาโก้ได้
บรรยากาศชิลล์ๆครับ พบเห็นหนุ่มสาวจีบกันได้ทั่วไป
สมกับเป็นแหล่งนั่งเล่นยามเย็นหลังเลิกงานซะจริงๆ ^^
ส่วนที่เรียกว่า the great lawn ของ millennium park ครับ สนามหญ้าประดับศิลปกรรมโครงสร้างตาข่าย
ทางเดินยกระดับไว้ทำอะไรไม่รู้ .... วิวข้างบนมันสวยดีนะ ฮาา
มองย้อนไปทางตึกสูงใจกลางเมืองอีกทีนึง
อีกฝั่งหนึ่งก็เห็นทะเลสาปมิชิแกนอยู่ไกลๆ
แม่น้ำชิคาโก้ครับ .... มีบริการ water taxi และ cruise ล่องแม่น้ำด้วยนะ (เสียดายไม่ได้ลงไป)
เป้าหมายในวันแรกอีกเช่นกัน ..... ขึ้น Sears Tower ครับ (ชื่อใหม่ Willis Tower)
ตึกที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา และสงเป็นอันดับห้าของสิ่งก่อสร้างของโลกครับ
ความสูง 442 เมตร (108 ชั้น) ด้านบนเป็นหอคอยชมวิวรอบตึกครับ (บ้านเรา ใบหยกก็ให้อารมณ์คล้ายๆ กัน แต่ที่นี่มีไฮไลท์อย่างนึงครับ เลื่อนลงไปดูเนอะ)
นี่ครับ ไฮไลท์ของที่นี่ skydeck view .... เป็นห้องกระจกยื่นออกมาจากตัวตึก สามารถเดินเข้าไปชมได้ (ถ้าใจถึง) แล้วคุณจะยืนมองชิคาโก้จากตึกที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา
ลงไปก็ไปเที่ยวต่อเลย ฮ่าๆ .... Water Tower ครับ .... สิ่งก่อสร้างเพียงชิ้นเดียวที่สามารถรอดจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในชิคาโก้ (the great fire of chicago) ในปี ค.ศ. 1871 ครับ
แวะไปชิมไอศครีมที่ Ghiradelli ซะหน่อย ...... รสชาดสุดบรรยาย : ) กับราคา $10
บรรยากาศในร้านครับ ขายช็อกโกแล็ต (ยี่ห้อนี้เยี่ยมมากครับ) ทั้งร้านเลย
Loyola University Chicago ครับ เป็นมหาวิทยาลัยแคธอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนี้
จบวันแรกแต่เพียงเท่านี้ ........
แก้ไขล่าสุดโดย Dim เมื่อ Wed Jun 16, 2010 4:23 pm, ทั้งหมด 8 ครั้ง