1. เก็บเลนส์ไว้ที่ที่มีอากาศถ่ายเท
ถ้าพูดถึงสิ่งที่กล้องกลัวมากที่สุดคือเจ้าเชื้อราครับ ที่สามารถเจริญงอกงามได้ดี ยิ่งอากาศที่นิ่งๆ ไม่ถ่ายเท ความชื้นสูง เช่นตู้เสื้อผ้า ในตู้ไม้ สิ่งเหล่านี้คือจุดที่จะทำให้เกิดเชื้อราได้ง่ายเลยครับ ดังนั้นถ้าไม่ต้องการให้เชื้อรามาเยือน ก็ควรหาที่เก็บอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกครับ ไม่ใช่เก็บกล้องไว้ในกระเป๋ากล้องตลอดเวลา นำออกมาวางรับอากาศบ้าง หมุนแหวนซูมให้อากาศในเลนส์เปลี่ยนบ้าง ฉะนั้นใครนำกล้องไปใช้เป็นประจำ ก็มีสิทธิ์ที่จะเจอเชื้อราได้น้อยลงครับ
2. ใส่สารซิลิกาเจลเพื่อช่วยดูดความชื้น
สารซิลิกาเจล เป็นตัวช่วยดูความชื้นชนิดหนึ่งครับ โดยจะเปลี่ยนสี จากสีน้ำเงินกล้ายเป็นสีชมพูครับ ต่อเมื่อเกิดการอิ่มตัวจากการดูดความชื้น ส่วนชนิดไม่เปลี่ยนสีมักจะเป็นแบบใส และมีราคาถูกกว่าชนิดเปลี่ยนสี และเจ้าซิลิกาเจลแบบเปลี่ยนสีเมื่อใช้งานไปนานๆจะเกิดการอิ่มตัวจากความชื้นแล้ว ก็สามารถนำไปผ่านความร้อน เพื่อให้คายน้ำออกมา ก็จะสามารถนำกลับไปใช้อีกได้ใหม่เรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ไม่นิยมกันเพื่อจะมีความยุ่งยาก ดังนั้นจึงนิยมซื้อมาเปลี่ยนใหม่เลย
3. ชุดทำความสะอาด
หลังจากการใช้งานเสร็จเรียบร้อยความนำชุดทำความ อาทิเช่น ผ้าสะอาด น้ำยาทำความสะอาดเลนส์ (ควรเลือกอย่างดีนะครับ) ลูกเป่าลม นำมาเช็ดเป่าสิ่งสกปรกออกจากตัวกล้อง ก่อนจะนำไปเก็บ ข้อแนะนำควรน้ำยาหยดลงไปยังผ้าแล้วค่อย ๆ เช็ดที่หน้าจอ สำหรับเลนส์ควรใช้ลูกเป่าลมเป่าสิ่งสกปรกที่หน้าเลนส์มากกว่าเอาผ้าชุบน้ำยาแล้วเช็ดครับเพราะเลนส์แต่ละยี่ห้อจะมีสารเคลือบป้องกันตัวชิ้นเลนส์อยู่แล้วผมจึงไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดมาเช็ดบ่อยถ้าไม่จำเป็นครับ หลังจากเช็ดเสร็จก็นำไปเก็บได้เลย
4. กล่องดูดชื้นมาใส่ในกล่องเก็บกล้อง
ถ้าพูดถึงกล่องดูดความชื้น คงทราบกันดี มีขายตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อมักวางตามแผนกเครื่องครัวเครื่องใช้ ซึ่งเป็นภาชนะ2ชั้น จะปิดด้วยกระดาษเพื่อให้อากาศผ่านและสามารถดูดความชื้นได้ วัสดุในการผลิตจะใช้สารดูดความชื้นผสมกับสารที่ให้กลิ่นหอมบรรจุอยู่ด้านบน และสามารถดูดความชื้นแล้ว จะแปลสภาพเป็นของเหลวหยดลงด้านล่าง เมื่อเป็นของเหลวหมดถือว่าหมดอายุจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก
5. ถุงกันความชื้น
คุณสมบัติสำหรับเจ้าถุงกันความชื้น ช่วยป้องกันความชื้นได้ดีเพราะจะเป็นศูนย์อากาศป้องกันอากาศจะภายนอกเข้าไป ซึ่งหลักการทำใช้งานจะเปรียบเหมือนซองยาที่สามารถรูดเปิดปิดได้ ถ้าจะให้ทำงานได้ประสิทธิ์ดียิ่งขึ้นควรนำสารซิลิกาเจลใส่ลงไปในถุงกันความชื้นด้วยครับ จะช่วยดูดความชื้นภายในถุงได้ดียิ่งขึ้นเลยครับ
6. ตู้กันความชื้น
ลักษณะการทำงานเหมือนกับถุงกันความชื้นครับ แต่อันนี้เป็นตู้เลยครับ จะมีอยู่หลายขนาดด้วยกันครับ ขึ้นอยู่ว่าเราต้องการใส่อุปกรณ์มากแค่ไหน ก็จะมีให้เลือกครับ ราคาก็จะต่างกันออกไปครับ แล้วแต่ความเล็กหรือใหญ่ขนาดของตู้ครับ แต่ต้องของบอกเลยงานนี้สำหรับคนที่มีใจรักและมีพื้นที่ในการวางตู้ครับ เพราะราคาจะสูงเอาการเหมือนกันครับ
7. หาซื้อผ้าร่มมาคลุมกระเป๋ากล้อง
ห้ามมองข้ามเลยนะครับเพราะมีประโยชน์มากเวลาไปเที่ยวน้ำตกหรือทะเลครับ สามรถนำมาคลุมกันละอองน้ำได้เป็นอย่างดีเลยครับ สำหรับผ้าร่มบางคนอาจจะซื้อกระเป๋ากล้องมาแล้วอาจจะมีแถมอยู่ในกระเป๋าหรือเป็นแบบเย็บติดกระเป๋าก็มีนะครับ ในส่วนของคนที่ไม่มีเจ้าผ้าร่มตัวนี้ไม่ต้องตกใจครับ เราสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายผ้า มีอยู่2แบบครับ คือ 1.ผ้าร่มธรรมดา 2.ผ้าร่มแบบเคลือบสาร UV โดยถ้าผ้าร่มธรรมดาจะสามารถกันน้ำฝนหรือหยดน้ำได้ไม่มาก หากเจอน้ำขัง หยดน้ำอาจจะซึมผ่านตัวผ้าได้ ส่วนผ้าร่มชนิดเคลือบ UV จะสามารถป้องกันได้100% เพราะเป็นผ้าชนิดเดียวกับการทำร่มเลยครับ ซึ่งราคาจะแพงกว่าเป็นเท่าตัวครับ หลังจากได้ผ้าควรวัดขนาดให้พอเหมาะและตัดเย็บให้เรียบร้อยก็ใช้งานได้แล้วครับ
8. หากระเป๋าที่ออกแบบมาให้มีตัวกันฝน
สำหรับกระเป๋ากล้อง มีอยู่หลายยี่ห้อครับที่ผลิตออกมามีคุณภาพดี และสามารถกันน้ำได้ครับ อาทิ LowePro หรือยี่ห้อ KaTa บางรุ่นจะใช้ตัวผ้าที่สามารถกันน้ำได้ระดับหนึ่งเลยครับ เช่นน้ำหกใส่ น้ำกระเด็น ในส่วนบางรุ่นจะออกแบบมาเป็นผ้าร่มพับเก็บไว้ในตัว สามารถนำออกมาห่มปิดตัวกระเป๋าได้ทั้งใบเลยครับ สำหรับเรื่องกระเป๋าอย่ามองข้ามเลยนะครับ กล้องและอุปกรณ์เกือบแสนแลกกับกระเป๋าดีๆสักใบก็คุ้มกับการจับจ่ายแล้วครับ
9. ถุงดำช่วยได้
อย่าเพิ่งมองเป็นเรื่องตลกนะครับและก็อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะเอากล้อง+อุปกรณ์ไปทิ้งเหรอ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมเองเลย เมื่อตอนผมเป็นวัยรุ่น อ้าๆๆอย่าคิดว่าผมแก่นะครับ เพิ่งผ่านไปได้5ปีเอง ผมได้มีโอกาสไปถ่ายรูปแถวทางอีสานครับ ก็ได้ไปกับก๊วนถ่ายรูปเหมือนกันประมาณ 20 กว่าคนครับ ซึ่งจะมีคุณลุงคนหนึ่งอายุประมาณ 50 กว่าแล้วครับ แต่เขารักการถ่ายรูปมาก ไม่ต้องพูดเลยครับว่าอุปกรณ์ดีแค่ไหน ผมบอกได้เลยครับไม่ต่ำกว่าหลายแสนครับ ตอนอยู่บนรถผมก็งงคุณลุงท่านนี้มากเลยครับ คุณลุงเอาถุงดำมาคลุมกระเป๋ากล้องอีกทีหนึ่ง ซึ่งกระเป๋าคุณลุงก็เป็น LowePro อย่างดีเลยครับ แต่ข้อแปลกใจว่าทำไมคุณลุงต้องนำถุงมาใส่อีกชั้น ผมจึงตัดสินใจถามคุณลุงทั้งที่คนในรถก็ต่างแซ่วกันสารพัด คุณลุงแกบอกว่าเพื่อฝนตกแล้วสาดเข้ามาในรถเลยใส่คลุมไว้ก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นกับเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันระหว่างทางไปที่ถ่ายรูปครับ ซึ่งคนขับรถยังไม่ชินเส้นทางนี้ครับเลยขับผิดทาง เวลาตอนนั้นก็มืดไม่มีไฟทางก็แทบจะไม่เห็นสิ่งที่ไม่คาดถึงก็เกิด รถขับเข้าไปทางตัดของถนนที่ถูกน้ำขังไว้ ซึ่งถือว่าลึกพอสมควรครับ สิ่งที่ผมเห็นกับตาคือกระจกหน้ารถหายไปทางบานเลยครับ มองเห็นแต่น้ำพุงเข้ามายังรถเหมือนกันตอนเราไปสวนสนุกเล่นเครื่องเล่นแบบลองแก่งอย่างนั้นเลยครับ น้ำพุงเข้ามาในตัวรถอย่างเร็วมากครับ คุณลุงแกตัวเปียกชุ่มเลยครับ เพราะแกนั่งอยู่ด้านหน้าเลย พอลงรถเสร็จแกก็หมดอารมณ์เลยแกบอกว่าเอาเงินมาทิ้งน้ำ เอากล้องมาจมเล่น แต่เดชชะบุญถุงดำช่วยแกได้ครับ คือน้ำไม่สามารถเข้ามาได้ครับทำให้อุปกรณ์ของแกยังคงใช้ได้อยู่อย่างสมบูรณ์ ส่วนคนอื่นน้ำเต็มกระเป๋าครับ ยกตัวอย่างคงมีน้อยคนครับที่จะโชคดีแบบคุณลุงที่มีใจรักการถ่ายรูป แต่ถุงดำใครคิดว่ามีไว้ใส่ขยะก็ลองคิดให้ดูละกันนะครับ
ถ้าพูดถึงสิ่งที่กล้องกลัวมากที่สุดคือเจ้าเชื้อราครับ ที่สามารถเจริญงอกงามได้ดี ยิ่งอากาศที่นิ่งๆ ไม่ถ่ายเท ความชื้นสูง เช่นตู้เสื้อผ้า ในตู้ไม้ สิ่งเหล่านี้คือจุดที่จะทำให้เกิดเชื้อราได้ง่ายเลยครับ ดังนั้นถ้าไม่ต้องการให้เชื้อรามาเยือน ก็ควรหาที่เก็บอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกครับ ไม่ใช่เก็บกล้องไว้ในกระเป๋ากล้องตลอดเวลา นำออกมาวางรับอากาศบ้าง หมุนแหวนซูมให้อากาศในเลนส์เปลี่ยนบ้าง ฉะนั้นใครนำกล้องไปใช้เป็นประจำ ก็มีสิทธิ์ที่จะเจอเชื้อราได้น้อยลงครับ
2. ใส่สารซิลิกาเจลเพื่อช่วยดูดความชื้น
สารซิลิกาเจล เป็นตัวช่วยดูความชื้นชนิดหนึ่งครับ โดยจะเปลี่ยนสี จากสีน้ำเงินกล้ายเป็นสีชมพูครับ ต่อเมื่อเกิดการอิ่มตัวจากการดูดความชื้น ส่วนชนิดไม่เปลี่ยนสีมักจะเป็นแบบใส และมีราคาถูกกว่าชนิดเปลี่ยนสี และเจ้าซิลิกาเจลแบบเปลี่ยนสีเมื่อใช้งานไปนานๆจะเกิดการอิ่มตัวจากความชื้นแล้ว ก็สามารถนำไปผ่านความร้อน เพื่อให้คายน้ำออกมา ก็จะสามารถนำกลับไปใช้อีกได้ใหม่เรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ไม่นิยมกันเพื่อจะมีความยุ่งยาก ดังนั้นจึงนิยมซื้อมาเปลี่ยนใหม่เลย
3. ชุดทำความสะอาด
หลังจากการใช้งานเสร็จเรียบร้อยความนำชุดทำความ อาทิเช่น ผ้าสะอาด น้ำยาทำความสะอาดเลนส์ (ควรเลือกอย่างดีนะครับ) ลูกเป่าลม นำมาเช็ดเป่าสิ่งสกปรกออกจากตัวกล้อง ก่อนจะนำไปเก็บ ข้อแนะนำควรน้ำยาหยดลงไปยังผ้าแล้วค่อย ๆ เช็ดที่หน้าจอ สำหรับเลนส์ควรใช้ลูกเป่าลมเป่าสิ่งสกปรกที่หน้าเลนส์มากกว่าเอาผ้าชุบน้ำยาแล้วเช็ดครับเพราะเลนส์แต่ละยี่ห้อจะมีสารเคลือบป้องกันตัวชิ้นเลนส์อยู่แล้วผมจึงไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดมาเช็ดบ่อยถ้าไม่จำเป็นครับ หลังจากเช็ดเสร็จก็นำไปเก็บได้เลย
4. กล่องดูดชื้นมาใส่ในกล่องเก็บกล้อง
ถ้าพูดถึงกล่องดูดความชื้น คงทราบกันดี มีขายตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อมักวางตามแผนกเครื่องครัวเครื่องใช้ ซึ่งเป็นภาชนะ2ชั้น จะปิดด้วยกระดาษเพื่อให้อากาศผ่านและสามารถดูดความชื้นได้ วัสดุในการผลิตจะใช้สารดูดความชื้นผสมกับสารที่ให้กลิ่นหอมบรรจุอยู่ด้านบน และสามารถดูดความชื้นแล้ว จะแปลสภาพเป็นของเหลวหยดลงด้านล่าง เมื่อเป็นของเหลวหมดถือว่าหมดอายุจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก
5. ถุงกันความชื้น
คุณสมบัติสำหรับเจ้าถุงกันความชื้น ช่วยป้องกันความชื้นได้ดีเพราะจะเป็นศูนย์อากาศป้องกันอากาศจะภายนอกเข้าไป ซึ่งหลักการทำใช้งานจะเปรียบเหมือนซองยาที่สามารถรูดเปิดปิดได้ ถ้าจะให้ทำงานได้ประสิทธิ์ดียิ่งขึ้นควรนำสารซิลิกาเจลใส่ลงไปในถุงกันความชื้นด้วยครับ จะช่วยดูดความชื้นภายในถุงได้ดียิ่งขึ้นเลยครับ
6. ตู้กันความชื้น
ลักษณะการทำงานเหมือนกับถุงกันความชื้นครับ แต่อันนี้เป็นตู้เลยครับ จะมีอยู่หลายขนาดด้วยกันครับ ขึ้นอยู่ว่าเราต้องการใส่อุปกรณ์มากแค่ไหน ก็จะมีให้เลือกครับ ราคาก็จะต่างกันออกไปครับ แล้วแต่ความเล็กหรือใหญ่ขนาดของตู้ครับ แต่ต้องของบอกเลยงานนี้สำหรับคนที่มีใจรักและมีพื้นที่ในการวางตู้ครับ เพราะราคาจะสูงเอาการเหมือนกันครับ
7. หาซื้อผ้าร่มมาคลุมกระเป๋ากล้อง
ห้ามมองข้ามเลยนะครับเพราะมีประโยชน์มากเวลาไปเที่ยวน้ำตกหรือทะเลครับ สามรถนำมาคลุมกันละอองน้ำได้เป็นอย่างดีเลยครับ สำหรับผ้าร่มบางคนอาจจะซื้อกระเป๋ากล้องมาแล้วอาจจะมีแถมอยู่ในกระเป๋าหรือเป็นแบบเย็บติดกระเป๋าก็มีนะครับ ในส่วนของคนที่ไม่มีเจ้าผ้าร่มตัวนี้ไม่ต้องตกใจครับ เราสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายผ้า มีอยู่2แบบครับ คือ 1.ผ้าร่มธรรมดา 2.ผ้าร่มแบบเคลือบสาร UV โดยถ้าผ้าร่มธรรมดาจะสามารถกันน้ำฝนหรือหยดน้ำได้ไม่มาก หากเจอน้ำขัง หยดน้ำอาจจะซึมผ่านตัวผ้าได้ ส่วนผ้าร่มชนิดเคลือบ UV จะสามารถป้องกันได้100% เพราะเป็นผ้าชนิดเดียวกับการทำร่มเลยครับ ซึ่งราคาจะแพงกว่าเป็นเท่าตัวครับ หลังจากได้ผ้าควรวัดขนาดให้พอเหมาะและตัดเย็บให้เรียบร้อยก็ใช้งานได้แล้วครับ
8. หากระเป๋าที่ออกแบบมาให้มีตัวกันฝน
สำหรับกระเป๋ากล้อง มีอยู่หลายยี่ห้อครับที่ผลิตออกมามีคุณภาพดี และสามารถกันน้ำได้ครับ อาทิ LowePro หรือยี่ห้อ KaTa บางรุ่นจะใช้ตัวผ้าที่สามารถกันน้ำได้ระดับหนึ่งเลยครับ เช่นน้ำหกใส่ น้ำกระเด็น ในส่วนบางรุ่นจะออกแบบมาเป็นผ้าร่มพับเก็บไว้ในตัว สามารถนำออกมาห่มปิดตัวกระเป๋าได้ทั้งใบเลยครับ สำหรับเรื่องกระเป๋าอย่ามองข้ามเลยนะครับ กล้องและอุปกรณ์เกือบแสนแลกกับกระเป๋าดีๆสักใบก็คุ้มกับการจับจ่ายแล้วครับ
9. ถุงดำช่วยได้
อย่าเพิ่งมองเป็นเรื่องตลกนะครับและก็อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะเอากล้อง+อุปกรณ์ไปทิ้งเหรอ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมเองเลย เมื่อตอนผมเป็นวัยรุ่น อ้าๆๆอย่าคิดว่าผมแก่นะครับ เพิ่งผ่านไปได้5ปีเอง ผมได้มีโอกาสไปถ่ายรูปแถวทางอีสานครับ ก็ได้ไปกับก๊วนถ่ายรูปเหมือนกันประมาณ 20 กว่าคนครับ ซึ่งจะมีคุณลุงคนหนึ่งอายุประมาณ 50 กว่าแล้วครับ แต่เขารักการถ่ายรูปมาก ไม่ต้องพูดเลยครับว่าอุปกรณ์ดีแค่ไหน ผมบอกได้เลยครับไม่ต่ำกว่าหลายแสนครับ ตอนอยู่บนรถผมก็งงคุณลุงท่านนี้มากเลยครับ คุณลุงเอาถุงดำมาคลุมกระเป๋ากล้องอีกทีหนึ่ง ซึ่งกระเป๋าคุณลุงก็เป็น LowePro อย่างดีเลยครับ แต่ข้อแปลกใจว่าทำไมคุณลุงต้องนำถุงมาใส่อีกชั้น ผมจึงตัดสินใจถามคุณลุงทั้งที่คนในรถก็ต่างแซ่วกันสารพัด คุณลุงแกบอกว่าเพื่อฝนตกแล้วสาดเข้ามาในรถเลยใส่คลุมไว้ก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นกับเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันระหว่างทางไปที่ถ่ายรูปครับ ซึ่งคนขับรถยังไม่ชินเส้นทางนี้ครับเลยขับผิดทาง เวลาตอนนั้นก็มืดไม่มีไฟทางก็แทบจะไม่เห็นสิ่งที่ไม่คาดถึงก็เกิด รถขับเข้าไปทางตัดของถนนที่ถูกน้ำขังไว้ ซึ่งถือว่าลึกพอสมควรครับ สิ่งที่ผมเห็นกับตาคือกระจกหน้ารถหายไปทางบานเลยครับ มองเห็นแต่น้ำพุงเข้ามายังรถเหมือนกันตอนเราไปสวนสนุกเล่นเครื่องเล่นแบบลองแก่งอย่างนั้นเลยครับ น้ำพุงเข้ามาในตัวรถอย่างเร็วมากครับ คุณลุงแกตัวเปียกชุ่มเลยครับ เพราะแกนั่งอยู่ด้านหน้าเลย พอลงรถเสร็จแกก็หมดอารมณ์เลยแกบอกว่าเอาเงินมาทิ้งน้ำ เอากล้องมาจมเล่น แต่เดชชะบุญถุงดำช่วยแกได้ครับ คือน้ำไม่สามารถเข้ามาได้ครับทำให้อุปกรณ์ของแกยังคงใช้ได้อยู่อย่างสมบูรณ์ ส่วนคนอื่นน้ำเต็มกระเป๋าครับ ยกตัวอย่างคงมีน้อยคนครับที่จะโชคดีแบบคุณลุงที่มีใจรักการถ่ายรูป แต่ถุงดำใครคิดว่ามีไว้ใส่ขยะก็ลองคิดให้ดูละกันนะครับ