ท่านใดต้องการอ่านบทความเต็มๆ ของสมาคมดาราศาสตร์ไทย โดยคุณวรเชษฐ์ บุญปลอด ไปตามลิ้งค์นี้เลยครับ
http://thaiastro.nectec.or.th/skyevnt/eclipses/201106tle.html
สำหรับในที่นี้ผมขอนำบางส่วนของบทความดังกล่าว(พร้อมภาพประกอบ) มาให้เพื่อนๆสมาชิกชาว Minikonian ที่สนใจถ่ายภาพปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ได้เตรียมตัว เตรียมกล้องให้พร้อม ส่วนภาพท้องฟ้าช่วงท้ายๆ ผม Capture จากโปแกรม Stellarium นะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
จันทรุปราคาเต็มดวง : 16 มิถุนายน 2554 - วรเชษฐ์ บุญปลอด
นานเกือบ 4 ปีมาแล้ว ที่ประเทศไทยไม่มีโอกาสได้เห็นจันทรุปราคาเต็มดวง ปีนี้เกิดจันทรุปราคาเต็มดวงขึ้น 2 ครั้ง ทั้งคู่สามารถเห็นได้ในประเทศไทย โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในเวลากลางดึกของคืนวันพุธที่ 15 มิถุนายน 2554 (เข้าสู่เช้ามืดวันที่ 16 มิถุนายน) ครั้งที่ 2 ในคืนวันที่ 10 ธันวาคม 2554
จันทรุปราคาเต็มดวง 16 กันยายน พ.ศ. 2540 (ภาพ – ประพีร์ วิราพร/กฤษดา โชคสินอนันต์/ปณัฐพงศ์ จันทรวัฒนาวณิช/พรชัย อมรศรีจิรทร)
ลำดับเหตุการณ์
จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้สามารถเตรียมเฝ้ารอสังเกตการณ์ได้ตั้งแต่คืนวันพุธที่ 15 มิถุนายน ดวงจันทร์เริ่มแตะเงามัวในเวลา 00:25 น. ของวันที่ 16 มิถุนายน แต่เราจะสังเกตไม่พบการเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งดวงจันทร์เข้าไปในเงามัวลึกมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะเริ่มสังเกตว่าพื้นผิวดวงจันทร์โดยรวมดูหมองคล้ำลงตั้งแต่เวลาประมาณตี 1 หรือหลังจากนั้นไม่นาน โดยเฉพาะพื้นผิวด้านตะวันออกของดวงจันทร์
จันทรุปราคาบางส่วนเริ่มขึ้นเวลา 01:23 น. เป็นจังหวะที่เริ่มเห็นขอบดวงจันทร์แหว่ง เนื่องจากสัมผัสกับเงามืดของโลก ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่สูงบนท้องฟ้าทิศใต้ เยื้องไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ดาวเสาร์ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาวใกล้จะตกลับขอบฟ้าหรือตกลับขอบฟ้าไปแล้วสำหรับบางพื้นที่ เมื่อเวลาผ่านไป ดวงจันทร์จะเข้าไปในเงามืดลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาเกือบตี 2 จะเห็นดวงจันทร์ถูกบังครึ่งดวง จากนั้นเริ่มบังหมดทั้งดวงในเวลา 02:22 น.
ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังหมดทั้งดวง แต่ดวงจันทร์ก็ไม่ได้มืดมิด เราสามารถมองเห็นดวงจันทร์มีสีน้ำตาล ส้ม หรือแดง และอาจมีสีฟ้าปะปนอยู่ได้เล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะในบรรยากาศโลกตรงบริเวณรอยต่อระหว่างด้านกลางวันกับกลางคืนของโลก แสงอาทิตย์หักเหและกระเจิงขณะเดินทางผ่านบรรยากาศโลก เป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงจันทร์ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงไม่มืดสนิท
ภาพ - Akira Fujii
เวลา 03:13 น. ดวงจันทร์เข้าใกล้ศูนย์กลางเงาโลกมากที่สุด คาดหมายได้ว่าเป็นเวลาที่ดวงจันทร์มืดคล้ำที่สุด (หากท้องฟ้าเปิดตลอดปรากฏการณ์) จากนั้นเวลา 04:03 น. เป็นเวลาที่จันทรุปราคาเต็มดวงสิ้นสุดลง รวมแล้วเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงยาวนานถึง 1 ชั่วโมง 40 นาที ขณะสิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หลังจากนี้ เหตุการณ์จะกลับกันกับช่วงแรก ดวงจันทร์ค่อย ๆ ออกจากเงามืดของโลกพร้อมกับเคลื่อนต่ำลงใกล้ขอบฟ้ามากขึ้น สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 05:02 น. เป็นจังหวะที่ดวงจันทร์กลับมาสว่างเต็มดวง ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่ต่ำมาก ที่กรุงเทพฯ ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว หันหน้าไปทางทิศตะวันออกจะเห็นดาวพฤหัสบดีอยู่สูงเกือบ 40° ดาวอังคารมีมุมเงยราว ๆ 15° มีกระจุกดาวลูกไก่อยู่ทางซ้ายมือของดาวอังคาร ส่วนดาวศุกร์อยู่ต่ำใกล้ขอบฟ้า
ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง
ช่วงที่เกิดจันทรุปราคา ดวงจันทร์อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู ตรงกลางระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องกับกลุ่มดาวคนยิงธนู หากอยู่ในที่มืด ห่างจากเมืองใหญ่ ไม่มีแสงไฟรบกวนมากนัก และไม่มีเมฆฝนบดบัง จะมีโอกาสเห็นทางช้างเผือกอยู่เบื้องหลังดวงจันทร์ได้ชัดเจน โดยมีกลุ่มดาวแมงป่องอยู่ต่ำกว่าดวงจันทร์ ดาวแอนทาเรสหรือดาวปาริชาตซึ่งมีสีแดง ห่างดวงจันทร์ประมาณ 14° ถัดไปทางซ้ายมือด้านบนคือกลุ่มดาวคนยิงธนู ดาวพฤหัสบดีขึ้นมาอยู่เหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกในเวลาประมาณตี 3
เริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วน (ดวงจันทร์เริ่มแหว่ง)
เริ่มเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง (ดวงจันทร์เข้าสู่เงามืดทั้งดวง)
กึ่งกลางของปรากฏการณ์ (ดวงจันทร์เข้าไปในเงาลึกที่สุด)
สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง (ดวงจันทร์เริ่มออกจากเงามืด)
สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วน (ดวงจันทร์ทั้งดวงออกจากเงามืด)
สุดท้ายก็ได้แต่ภาวนาขอให้คืนนั้นท้องฟ้าเป็นใจ ไม่มีเมฆมาบดบัง แล้วก็ไม่มียุงด้วยจะดีมากๆ
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคร้าบ ....... สวัสดีครับ
http://thaiastro.nectec.or.th/skyevnt/eclipses/201106tle.html
สำหรับในที่นี้ผมขอนำบางส่วนของบทความดังกล่าว(พร้อมภาพประกอบ) มาให้เพื่อนๆสมาชิกชาว Minikonian ที่สนใจถ่ายภาพปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ได้เตรียมตัว เตรียมกล้องให้พร้อม ส่วนภาพท้องฟ้าช่วงท้ายๆ ผม Capture จากโปแกรม Stellarium นะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
จันทรุปราคาเต็มดวง : 16 มิถุนายน 2554 - วรเชษฐ์ บุญปลอด
นานเกือบ 4 ปีมาแล้ว ที่ประเทศไทยไม่มีโอกาสได้เห็นจันทรุปราคาเต็มดวง ปีนี้เกิดจันทรุปราคาเต็มดวงขึ้น 2 ครั้ง ทั้งคู่สามารถเห็นได้ในประเทศไทย โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในเวลากลางดึกของคืนวันพุธที่ 15 มิถุนายน 2554 (เข้าสู่เช้ามืดวันที่ 16 มิถุนายน) ครั้งที่ 2 ในคืนวันที่ 10 ธันวาคม 2554
จันทรุปราคาเต็มดวง 16 กันยายน พ.ศ. 2540 (ภาพ – ประพีร์ วิราพร/กฤษดา โชคสินอนันต์/ปณัฐพงศ์ จันทรวัฒนาวณิช/พรชัย อมรศรีจิรทร)
ลำดับเหตุการณ์
จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้สามารถเตรียมเฝ้ารอสังเกตการณ์ได้ตั้งแต่คืนวันพุธที่ 15 มิถุนายน ดวงจันทร์เริ่มแตะเงามัวในเวลา 00:25 น. ของวันที่ 16 มิถุนายน แต่เราจะสังเกตไม่พบการเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งดวงจันทร์เข้าไปในเงามัวลึกมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะเริ่มสังเกตว่าพื้นผิวดวงจันทร์โดยรวมดูหมองคล้ำลงตั้งแต่เวลาประมาณตี 1 หรือหลังจากนั้นไม่นาน โดยเฉพาะพื้นผิวด้านตะวันออกของดวงจันทร์
จันทรุปราคาบางส่วนเริ่มขึ้นเวลา 01:23 น. เป็นจังหวะที่เริ่มเห็นขอบดวงจันทร์แหว่ง เนื่องจากสัมผัสกับเงามืดของโลก ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่สูงบนท้องฟ้าทิศใต้ เยื้องไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ดาวเสาร์ซึ่งอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาวใกล้จะตกลับขอบฟ้าหรือตกลับขอบฟ้าไปแล้วสำหรับบางพื้นที่ เมื่อเวลาผ่านไป ดวงจันทร์จะเข้าไปในเงามืดลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาเกือบตี 2 จะเห็นดวงจันทร์ถูกบังครึ่งดวง จากนั้นเริ่มบังหมดทั้งดวงในเวลา 02:22 น.
ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังหมดทั้งดวง แต่ดวงจันทร์ก็ไม่ได้มืดมิด เราสามารถมองเห็นดวงจันทร์มีสีน้ำตาล ส้ม หรือแดง และอาจมีสีฟ้าปะปนอยู่ได้เล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะในบรรยากาศโลกตรงบริเวณรอยต่อระหว่างด้านกลางวันกับกลางคืนของโลก แสงอาทิตย์หักเหและกระเจิงขณะเดินทางผ่านบรรยากาศโลก เป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงจันทร์ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงไม่มืดสนิท
ภาพ - Akira Fujii
เวลา 03:13 น. ดวงจันทร์เข้าใกล้ศูนย์กลางเงาโลกมากที่สุด คาดหมายได้ว่าเป็นเวลาที่ดวงจันทร์มืดคล้ำที่สุด (หากท้องฟ้าเปิดตลอดปรากฏการณ์) จากนั้นเวลา 04:03 น. เป็นเวลาที่จันทรุปราคาเต็มดวงสิ้นสุดลง รวมแล้วเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงยาวนานถึง 1 ชั่วโมง 40 นาที ขณะสิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หลังจากนี้ เหตุการณ์จะกลับกันกับช่วงแรก ดวงจันทร์ค่อย ๆ ออกจากเงามืดของโลกพร้อมกับเคลื่อนต่ำลงใกล้ขอบฟ้ามากขึ้น สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 05:02 น. เป็นจังหวะที่ดวงจันทร์กลับมาสว่างเต็มดวง ขณะนั้นดวงจันทร์อยู่ต่ำมาก ที่กรุงเทพฯ ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว หันหน้าไปทางทิศตะวันออกจะเห็นดาวพฤหัสบดีอยู่สูงเกือบ 40° ดาวอังคารมีมุมเงยราว ๆ 15° มีกระจุกดาวลูกไก่อยู่ทางซ้ายมือของดาวอังคาร ส่วนดาวศุกร์อยู่ต่ำใกล้ขอบฟ้า
ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง
ช่วงที่เกิดจันทรุปราคา ดวงจันทร์อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู ตรงกลางระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องกับกลุ่มดาวคนยิงธนู หากอยู่ในที่มืด ห่างจากเมืองใหญ่ ไม่มีแสงไฟรบกวนมากนัก และไม่มีเมฆฝนบดบัง จะมีโอกาสเห็นทางช้างเผือกอยู่เบื้องหลังดวงจันทร์ได้ชัดเจน โดยมีกลุ่มดาวแมงป่องอยู่ต่ำกว่าดวงจันทร์ ดาวแอนทาเรสหรือดาวปาริชาตซึ่งมีสีแดง ห่างดวงจันทร์ประมาณ 14° ถัดไปทางซ้ายมือด้านบนคือกลุ่มดาวคนยิงธนู ดาวพฤหัสบดีขึ้นมาอยู่เหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกในเวลาประมาณตี 3
เริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วน (ดวงจันทร์เริ่มแหว่ง)
เริ่มเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง (ดวงจันทร์เข้าสู่เงามืดทั้งดวง)
กึ่งกลางของปรากฏการณ์ (ดวงจันทร์เข้าไปในเงาลึกที่สุด)
สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง (ดวงจันทร์เริ่มออกจากเงามืด)
สิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วน (ดวงจันทร์ทั้งดวงออกจากเงามืด)
สุดท้ายก็ได้แต่ภาวนาขอให้คืนนั้นท้องฟ้าเป็นใจ ไม่มีเมฆมาบดบัง แล้วก็ไม่มียุงด้วยจะดีมากๆ
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคร้าบ ....... สวัสดีครับ