อันนี้เพื่อน(อีกแล้ว)เอามาให้ผมอ่านครับ ^^ ก็เห็นว่าเป็นความรู้ทั่วไปดี
เกี่ยวกับ กันสั่น เลยเอามาให้อ่านกันเล่นๆ จ้ะ
กันสั่นในแต่ละเจ้าก็มีการเรียกที่ต่างกันชิมิ ^^
อย่างของเราก็ VR หนอนก็ IS โซนี่ก็ AS บราๆๆๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://wara.com/article-295.html
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เทคโนโลยี Image Stabilizer ในกล้องถ่ายภาพ
All Articles >> Digital >> - เทคโนโลยี Image Stabilizer ในกล้องถ่ายภาพ
ปัญหา
ที่ทำให้ภาพเสียหรือถ่ายภาพแล้วไม่ได้ภาพที่ต้องการนั้นมีอยู่ 4 กรณีใหญ่ๆ
คือ การโฟกัสไม่ชัด การใส่ฟิล์มไม่เข้า การเปิดรับแสงไม่ถูกต้อง
และกล้องสั่น
ปัญหาสามประการแรกสามารถแก้ไขได้ด้วยระบบอัตโนมัติหลายประการที่ใส่เข้าไปใน
กล้องรุ่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบการโหลดฟิล์มอัตโนมัติ การโฟกัสอัตโนมัติ
และการวัดแสงอัตโนมัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ได้ภาพที่ดี
ลดอัตราการสูญเสียภาพไปได้มากอย่างไรก็ดีปัญหาเรื่องกล้องสั่นซึ่งผู้
ผลิตกล้องได้แก้ไขด้วยการใส่แฟลชไปในกล้อง
และให้เปิดทำงานอัตโนมัติเมื่อมีแสงน้อยเพื่อให้สามารถถ่ายภาพ
ที่ความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้น
แม้ว่าระบบดังกล่าวจะลดปัญหากล้องสั่นไปได้ในการถ่ายภาพทั่วๆ ไป
แต่ในกรณีการถ่ายภาพกีฬาหรือถ่ายภาพสัตว์ป่า
ที่ต้องใช้เลนส์ความยาวโฟกัสมากๆ กำลังของแสงแฟลชไม่พอ
และมีบ่อยครั้งที่ช่างภาพต้องการถ่ายภาพด้วยแสงในธรรมชาติ
ไม่ต้องการแสงแฟลช ดังนั้นเมื่อสภาพแสงไม่อำนวย
การใช้ขาตั้งกล้องจึงเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ช่างภาพก็จะสูญเสียความ
คล่องตัวในการถ่ายภาพไป
เมื่อช่างภาพต้องการใช้มือถือแทนที่จะติดกล้องไว้กับขาตั้งกล้อง
ทางผู้ผลิตกล้องได้พยายามหาทางแก้ไขปัญหาภาพเบลอเพราะการถ่ายภาพ
เนื่องมาจากการใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำกว่า 1/ความยาวโฟกัส โดยในปี 1995
แคนนอนได้ผลิตเลนส์ที่ใช้ระบบชดเชยการสั่นขณะถ่ายภาพเป็นตัวแรก
ซึ่งก็คือเลนส์ 75-300 F/4.5-5.6 IS USM โดยเรียกระบบป้องกันภาพไหวนี้ว่า
image stabilizer (IS)
ภาพที่ 1 ก) เลนส์ทั่วไปที่ไม่มีระบบ IS เมื่อกล้องสั่น ลำแสงจากจุดๆ หนึ่งจะตกลงบนฟิล์มที่ตำแหน่งต่างกัน มีผลทำให้ภาพเบลอ ข)
เลนส์ที่มีระบบ IS เมื่อกล้องสั่นในขณะถ่ายภาพ
เซนเซอร์จะจับทิศทางการสั่นและส่งสัญญาณให้คอมพิวเตอร์ซึ่งจะควบคุมให้ชิ้น
แก้วบางชิ้นขยับ ในทิศทางเดียวกับการเคลื่อนที่ของชุดเลนส์
เพื่อทำให้แสงจากจุดๆ เดียวนั้น ตกกระทบบนฟิล์ม ณ ตำแหน่งเดียวกันตลอดเวลา
ต่อมาแคนนอนก็ได้ใช้ระบบนี้กับเลนส์ถ่ายไกลที่ระยะอื่นๆ ของตนเอง
ซึ่งได้แก่ EF 300mm f/2.8L IS USM, EF 400mm f/2.8L IS USM, EF 500mm
f/4L IS USM, และ EF 600mm f/4L IS USM นอกจากเลนส์ของกล้องถ่ายภาพขนาด 35
มม. แล้ว แคนนอนยังนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับกล้องวีดีโอและกล้องสองตาด้วย
ภาพที่ 2 ตัวอย่งเลนส์ของแคนนอนที่มีระบบ IS
บริษัท
นิคอนได้ผลิตเลนส์ด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน ในปี 2002 โดยนำมาใช้กับเลนส์ 80
- 400 VR ซึ่งคำว่าวีอาร์ (VR) นี้เป็นคำย่อของ vibration reduction
และมีเลนส์ที่ใช้ระบบกันการสั่นอีกหลายตัวตามมาเช่น 70-200 f/2.8 AF-S VR
lens ในปี 2003
ภาพที่ 3 ตัวอย่างเลนส์ของนิคอนที่มี ระบบ VR
ทาง
ด้านพานาโซนิค
ก็ได้พัฒนาระบบลดการสั่นของภาพโดยใช้เทคโนโลยีการเคลื่อนเลนส์ตามอัตราการ
สั่นของกล้อง ไม่ต่างจากของแคนนอน คือเป็นการใช้ตัวจับการสั่นที่เรียกว่า
gyro sensor ซึ่งเซนเซอร์นี้จะส่งสัญญาณไปยังระบบคอมพิวเตอร์ในเลนส์
เพื่อไปควบคุมกลุ่มชิ้นเลนส์ให้ขยับ ในทิศทางที่จะทำให้ภาพไปตก ณ
ตำแหน่งเดิมตลอดเวลา พานาโซนิคตั้งชื่อระบบแก้การสั่นนี้ว่า Optical Image
Stabilization (O.I.S.) โดยใช้ในกล้อง panosonic Lumix FZ3
ภาพที่ 4 โครงสร้างของระบบเลนส์ของ panasonic ที่มีระบบป้องกันการสั่น
ภาพที่ 5 กล้องของ Lumix FZ3
โีค
นิกา มินอลต้า
ได้พัฒนาระบบแก้การสั่นขึ้นมาใหม่โดยมีแนวคิดที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
กล่าวคือแทนที่จะใช้ระบบแก้การสั่น
โดยการขับเคลื่อนเลนส์แต่มาใช้การขับเคลื่อน CCD แทน
ภาพที่ 6 ระบบ viabration reduction ที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของ CCD เพื่อปรับแก้การสั่น
ทาง
โีคนิกา มินอลต้าประกาศว่า
ด้วยเทคโนโลยีลดการสั่นนี้จะทำให้ช่างภาพสามารถถือกล้องได้ต่ำกว่าเดิมอีก
3 สต็อปโดยภาพไม่ไหว
ซึ่งให้ผลไม่ต่างกับการใช้ระบบป้องกันการสั่นที่อยู่ในเลนส์
แต่จุดเด่นอยู่ที่ หากอยู่ในซีซีดีแล้ว เลนส์ทุกตัวที่มาต่อเชื่อม
จะได้รับผลประโยชน์ของระบบลดการสั่นไปหมด กล้องของโคนิกา
มินอลต้าที่ใช้ระบบลดการสั่นนี้ได้แก่รุ่น A200 A1 A2 Z3 และ Dynax 7D
ระบบลดการสั่นของกล้องเมื่อมีข้อดี ก็ย่อมมีข้อเสีย
สิ่งที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนเลนส์หรือตัวรับรู้ของกล้องก็คือ
คุณภาพทางทัศนศาสตร์ที่จะลดลง
ในการเปิดรับแสงที่นานผนวกกับการเคลื่อนที่ของเลนส์หรือตัวรับรู้ทำให้แสง
ที่ตกลงบนตัวรับรู้มีประสิทธิภาพการจัดเก็้บโฟตอนลดน้อยลง
สรุป....
ข้อดีของระบบลดการสั่นนั้นเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าจะช่วยให้ช่างภาพสามารถ
ถือกล้องถ่ายภาพในสภาวะการณ์ที่เดิมที่จะต้องใช้ขาตั้งกล้องเท่านั้น
ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความสะดวกในการถ่ายภาพเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ดีราคาที่เพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ลดการสั่นนั้น
ท่านก็ควรพิจารณาด้วยว่าคุ้มค่าหรือไม่ที่ท่านจะลงทุนซื้อเลนส์หรือกล้องที่
มีระบบลดการสั่นไว้ใช้งาน
เกี่ยวกับ กันสั่น เลยเอามาให้อ่านกันเล่นๆ จ้ะ
กันสั่นในแต่ละเจ้าก็มีการเรียกที่ต่างกันชิมิ ^^
อย่างของเราก็ VR หนอนก็ IS โซนี่ก็ AS บราๆๆๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://wara.com/article-295.html
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เทคโนโลยี Image Stabilizer ในกล้องถ่ายภาพ
All Articles >> Digital >> - เทคโนโลยี Image Stabilizer ในกล้องถ่ายภาพ
ปัญหา
ที่ทำให้ภาพเสียหรือถ่ายภาพแล้วไม่ได้ภาพที่ต้องการนั้นมีอยู่ 4 กรณีใหญ่ๆ
คือ การโฟกัสไม่ชัด การใส่ฟิล์มไม่เข้า การเปิดรับแสงไม่ถูกต้อง
และกล้องสั่น
ปัญหาสามประการแรกสามารถแก้ไขได้ด้วยระบบอัตโนมัติหลายประการที่ใส่เข้าไปใน
กล้องรุ่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบการโหลดฟิล์มอัตโนมัติ การโฟกัสอัตโนมัติ
และการวัดแสงอัตโนมัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ได้ภาพที่ดี
ลดอัตราการสูญเสียภาพไปได้มากอย่างไรก็ดีปัญหาเรื่องกล้องสั่นซึ่งผู้
ผลิตกล้องได้แก้ไขด้วยการใส่แฟลชไปในกล้อง
และให้เปิดทำงานอัตโนมัติเมื่อมีแสงน้อยเพื่อให้สามารถถ่ายภาพ
ที่ความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้น
แม้ว่าระบบดังกล่าวจะลดปัญหากล้องสั่นไปได้ในการถ่ายภาพทั่วๆ ไป
แต่ในกรณีการถ่ายภาพกีฬาหรือถ่ายภาพสัตว์ป่า
ที่ต้องใช้เลนส์ความยาวโฟกัสมากๆ กำลังของแสงแฟลชไม่พอ
และมีบ่อยครั้งที่ช่างภาพต้องการถ่ายภาพด้วยแสงในธรรมชาติ
ไม่ต้องการแสงแฟลช ดังนั้นเมื่อสภาพแสงไม่อำนวย
การใช้ขาตั้งกล้องจึงเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ช่างภาพก็จะสูญเสียความ
คล่องตัวในการถ่ายภาพไป
เมื่อช่างภาพต้องการใช้มือถือแทนที่จะติดกล้องไว้กับขาตั้งกล้อง
ทางผู้ผลิตกล้องได้พยายามหาทางแก้ไขปัญหาภาพเบลอเพราะการถ่ายภาพ
เนื่องมาจากการใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำกว่า 1/ความยาวโฟกัส โดยในปี 1995
แคนนอนได้ผลิตเลนส์ที่ใช้ระบบชดเชยการสั่นขณะถ่ายภาพเป็นตัวแรก
ซึ่งก็คือเลนส์ 75-300 F/4.5-5.6 IS USM โดยเรียกระบบป้องกันภาพไหวนี้ว่า
image stabilizer (IS)
ภาพที่ 1 ก) เลนส์ทั่วไปที่ไม่มีระบบ IS เมื่อกล้องสั่น ลำแสงจากจุดๆ หนึ่งจะตกลงบนฟิล์มที่ตำแหน่งต่างกัน มีผลทำให้ภาพเบลอ ข)
เลนส์ที่มีระบบ IS เมื่อกล้องสั่นในขณะถ่ายภาพ
เซนเซอร์จะจับทิศทางการสั่นและส่งสัญญาณให้คอมพิวเตอร์ซึ่งจะควบคุมให้ชิ้น
แก้วบางชิ้นขยับ ในทิศทางเดียวกับการเคลื่อนที่ของชุดเลนส์
เพื่อทำให้แสงจากจุดๆ เดียวนั้น ตกกระทบบนฟิล์ม ณ ตำแหน่งเดียวกันตลอดเวลา
ต่อมาแคนนอนก็ได้ใช้ระบบนี้กับเลนส์ถ่ายไกลที่ระยะอื่นๆ ของตนเอง
ซึ่งได้แก่ EF 300mm f/2.8L IS USM, EF 400mm f/2.8L IS USM, EF 500mm
f/4L IS USM, และ EF 600mm f/4L IS USM นอกจากเลนส์ของกล้องถ่ายภาพขนาด 35
มม. แล้ว แคนนอนยังนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับกล้องวีดีโอและกล้องสองตาด้วย
ภาพที่ 2 ตัวอย่งเลนส์ของแคนนอนที่มีระบบ IS
บริษัท
นิคอนได้ผลิตเลนส์ด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน ในปี 2002 โดยนำมาใช้กับเลนส์ 80
- 400 VR ซึ่งคำว่าวีอาร์ (VR) นี้เป็นคำย่อของ vibration reduction
และมีเลนส์ที่ใช้ระบบกันการสั่นอีกหลายตัวตามมาเช่น 70-200 f/2.8 AF-S VR
lens ในปี 2003
ภาพที่ 3 ตัวอย่างเลนส์ของนิคอนที่มี ระบบ VR
ทาง
ด้านพานาโซนิค
ก็ได้พัฒนาระบบลดการสั่นของภาพโดยใช้เทคโนโลยีการเคลื่อนเลนส์ตามอัตราการ
สั่นของกล้อง ไม่ต่างจากของแคนนอน คือเป็นการใช้ตัวจับการสั่นที่เรียกว่า
gyro sensor ซึ่งเซนเซอร์นี้จะส่งสัญญาณไปยังระบบคอมพิวเตอร์ในเลนส์
เพื่อไปควบคุมกลุ่มชิ้นเลนส์ให้ขยับ ในทิศทางที่จะทำให้ภาพไปตก ณ
ตำแหน่งเดิมตลอดเวลา พานาโซนิคตั้งชื่อระบบแก้การสั่นนี้ว่า Optical Image
Stabilization (O.I.S.) โดยใช้ในกล้อง panosonic Lumix FZ3
ภาพที่ 4 โครงสร้างของระบบเลนส์ของ panasonic ที่มีระบบป้องกันการสั่น
ภาพที่ 5 กล้องของ Lumix FZ3
โีค
นิกา มินอลต้า
ได้พัฒนาระบบแก้การสั่นขึ้นมาใหม่โดยมีแนวคิดที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
กล่าวคือแทนที่จะใช้ระบบแก้การสั่น
โดยการขับเคลื่อนเลนส์แต่มาใช้การขับเคลื่อน CCD แทน
ภาพที่ 6 ระบบ viabration reduction ที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของ CCD เพื่อปรับแก้การสั่น
ทาง
โีคนิกา มินอลต้าประกาศว่า
ด้วยเทคโนโลยีลดการสั่นนี้จะทำให้ช่างภาพสามารถถือกล้องได้ต่ำกว่าเดิมอีก
3 สต็อปโดยภาพไม่ไหว
ซึ่งให้ผลไม่ต่างกับการใช้ระบบป้องกันการสั่นที่อยู่ในเลนส์
แต่จุดเด่นอยู่ที่ หากอยู่ในซีซีดีแล้ว เลนส์ทุกตัวที่มาต่อเชื่อม
จะได้รับผลประโยชน์ของระบบลดการสั่นไปหมด กล้องของโคนิกา
มินอลต้าที่ใช้ระบบลดการสั่นนี้ได้แก่รุ่น A200 A1 A2 Z3 และ Dynax 7D
ระบบลดการสั่นของกล้องเมื่อมีข้อดี ก็ย่อมมีข้อเสีย
สิ่งที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนเลนส์หรือตัวรับรู้ของกล้องก็คือ
คุณภาพทางทัศนศาสตร์ที่จะลดลง
ในการเปิดรับแสงที่นานผนวกกับการเคลื่อนที่ของเลนส์หรือตัวรับรู้ทำให้แสง
ที่ตกลงบนตัวรับรู้มีประสิทธิภาพการจัดเก็้บโฟตอนลดน้อยลง
สรุป....
ข้อดีของระบบลดการสั่นนั้นเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าจะช่วยให้ช่างภาพสามารถ
ถือกล้องถ่ายภาพในสภาวะการณ์ที่เดิมที่จะต้องใช้ขาตั้งกล้องเท่านั้น
ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความสะดวกในการถ่ายภาพเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ดีราคาที่เพิ่มขึ้นของอุปกรณ์ลดการสั่นนั้น
ท่านก็ควรพิจารณาด้วยว่าคุ้มค่าหรือไม่ที่ท่านจะลงทุนซื้อเลนส์หรือกล้องที่
มีระบบลดการสั่นไว้ใช้งาน